ห่วงโซ่อุปทาน อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศไทย

ห่วงโซ่อุปทาน อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศไทย

อุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั่วโลกมีมูลค่ามหาศาลและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2020 อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่า 307,690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดเครื่องสำอางทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 463,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027 ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการเป็นศูนย์กลางการผลิตและที่สำคัญ ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ห่วงโซ่อุปทาน อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศไทย

สถานการณ์การเติบโตนี้สะท้อนถึงความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ความท้าทายหลายประการที่อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญ หนึ่งในความท้าทายหลักคือการพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งประมาณ 90% ของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอางในประเทศไทยถูกนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทั้งที่ประเทศไทยมีสมุนไพรท้องถิ่นจำนวนมากที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในเครื่องสำอางได้ถึง 200,000 ชนิด

ในบริบทของ ห่วงโซ่อุปทาน เครื่องสำอางในประเทศไทย การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดของผลิตภัณฑ์ จากการวิจัยพบว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทานเครื่องสำอางมีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ดังนั้นการเข้าใจและจัดการกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องมีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทานเครื่องสำอางในประเทศไทย

ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เครื่องสำอางในประเทศไทยมีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่มซึ่งแต่ละกลุ่มมีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกันไป ต่อไปนี้คือรายละเอียดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในห่วงโซ่อุปทานเครื่องสำอางในประเทศไทย:

1.เกษตรกร

2.ผู้ผลิตวัตถุดิบ

3.เจ้าของแบรนด์วัตถุดิบ

4.ผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบ

5.ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์
6.ผู้ผลิตเครื่องสำอาง
7.เจ้าของแบรนด์
8.FDA Thailand

9.ผู้จัดจำหน่าย

10.ผู้ค้าปลีก

11.ผู้บริโภค

12.ผู้ตรวจสอบคุณภาพอิสระ

1. เกษตรกร (Farmers)

เกษตรกรเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบขั้นต้น เช่น พืช สมุนไพร และผลไม้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง เกษตรกรมีบทบาทสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงเพื่อสนับสนุนการผลิตวัตถุดิบขั้นสูง (ingredient makers) ความท้าทายหลักของเกษตรกรคือการรักษาคุณภาพและปริมาณวัตถุดิบให้คงที่ตามความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้าน ในการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อ รวมถึงมีความต้องการองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบปริมาณสารสำคัญในวัตถุดิบ (Biomarker) เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม นอกเหนือจากการถูกตีมูลค่าจากลักษณะทางกายภาพของผลผลิตเท่านั้น

2. ผู้ผลิตวัตถุดิบและสารสำคัญในเครื่องสำอาง (Ingredient & Active Ingredient Makers)

ผู้ผลิตวัตถุดิบทำหน้าที่แปรรูปวัตถุดิบจากเกษตรกรผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อผลิตวัตถุดิบที่สามารถใช้ในเครื่องสำอางได้ เช่น การสกัดน้ำมันจากสมุนไพร การผลิตสารสกัดจากพืช เป็นต้น ผู้ผลิตวัตถุดิบสามารถเป็นบริษัทเอกชน หน่วยงานวิจัย หรือมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตรวัตถุดิบใหม่ๆ ความท้าทายของผู้ผลิตวัตถุดิบคือการค้นคว้าและพัฒนาวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติพิเศษและตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตวัตถุดิบและสารสำคัญในเครื่องสำอาง ยังมีจำนวนผู้เล่นจำนวนน้อยรายในตลาด เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ใช้งบประมาณสูงและเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการเข้าสู่อุตสาหกรรม

3. เจ้าของแบรนด์วัตถุดิบหรือนวัตกรรมสารสำคัญ (Ingredient Suppliers)

พวกเขาเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดหรือสารสำคัญ (Active Ingredients) และมีหน้าที่ในการควบคุมคุณภาพและการพัฒนาเทคโนโลยีของวัตถุดิบเหล่านี้ ถึงแม้พวกเขาจะมีการจ้างผู้ผลิตวัตถุดิบ (Ingredient Makers) เพื่อทำการผลิตสารสกัดหรือสารสำคัญตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น แต่เจ้าของแบรนด์เหล่านี้ยังคงเป็นผู้ควบคุมกระบวนการผลิตและดูแลการตลาดของวัตถุดิบภายใต้แบรนด์ของตนเอง การมีทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีเฉพาะทางช่วยให้พวกเขามีความสามารถในการแข่งขันในตลาดและสามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้สารสำคัญของพวกเขา

4. ผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบและสารสำคัญในเครื่องสำอาง (Ingredient Traders)

ในห่วงโซ่อุปทานเครื่องสำอาง (cosmetic supply chain) ตัวกลางในการจัดจำหน่ายวัตถุดิบและสารสำคัญมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของแบรนด์วัตถุดิบและผู้ผลิตเครื่องสำอาง ตัวกลางเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบและสารสำคัญในปริมาณมากให้กับผู้ผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งช่วยให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบและสารสำคัญในเครื่องสำอางประเทศไทย ยังคงมีอิทธิพลสูงต่อการขับเคลื่อนและนำวัตถุดิบและสารสกัดใหม่ ๆ เข้าสู่อุตสาหกรรม ซึ่งในปัจจุบันนอกเหนือจากการจัดจำหน่ายเข้าสู่โรงงานผู้ผลิต หรือโรงงานรับจ้างผลิตแล้ว ยังมีความเชื่อมโยงกับเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางรายใหญ่อีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นทิศทางที่น่าจับตามองของกลยุทธ์การทำตลาดวัตถุดิบและสารสำคัญในเครื่องสำอางในอนาคต

5. ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging Manufacturers)

ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ทำหน้าที่ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องสำอาง เช่น ขวด กระปุก หลอด เป็นต้น บรรจุภัณฑ์ต้องมีความสวยงาม ดึงดูดใจผู้บริโภค ปลอดภัย และรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องพิจารณาความเข้ากันได้กับผลิตภัณฑ์ การป้องกันการรั่วไหล และความสะดวกในการใช้งาน ในประเทศไทย ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันกับบรรจุภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนที่มีต้นทุนต่ำกว่าเนื่องจากการผลิตในปริมาณมาก ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์จากจีนเข้ามาครองตลาดในประเทศ ผู้ผลิตไทยจึงต้องพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรมของบรรจุภัณฑ์ รวมถึงใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

6. ผู้ผลิตเครื่องสำอาง (Cosmetic Manufacturers)

ผู้ผลิตเครื่องสำอางเป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องสำอางจากวัตถุดิบต่างๆ และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป พวกเขามีบทบาทในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ การผลิต และการควบคุมคุณภาพ ผู้ผลิตเครื่องสำอางอาจเป็นเจ้าของแบรนด์ (brand owners) หรือบริษัทที่ผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ (OEM: Original Equipment Manufacturer)

ความท้าทายของผู้ผลิตเครื่องสำอางคือการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปประเทศไทยถือเป็นฐานการรับจ้างผลิตที่มีความพร้อมและมีจำนวนโรงงานมากเพียงพอที่จะรองรับการผลิตให้กับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย ปัจจุบันโรงงานผู้ผลิตเหล่านี้กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันในตลาดที่มีผู้เล่นจำนวนมาก ซึ่งต้องแข่งขันกันด้วยเงื่อนไขของราคาและระดับการบริการให้กับเจ้าของแบรนด์ แม้จะมีโรงงานเกิดใหม่จำนวนมาก แต่ก็มีโรงงานที่ต้องถูกขายหรือเลิกกิจการไปเช่นกันเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันได้

7. เจ้าของแบรนด์ (Brand Owners)

เจ้าของแบรนด์คือบุคคลหรือบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางและมีหน้าที่ในการพัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง พวกเขามีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์การตลาด การสร้างแบรนด์ และการดูแล

ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ความท้าทายของเจ้าของแบรนด์คือการสร้างความแตกต่างและความยั่งยืนให้กับแบรนด์ของตน ประเทศไทยมีเจ้าของแบรนด์เกิดใหม่จำนวนมาก เนื่องจากธุรกิจเครื่องสำอางมีอัตราส่วนกำไรที่สูง ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างมากในช่องทางออนไลน์และ Social Commerce การเติบโตนี้ได้รับการสนับสนุนจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่แพร่หลายและการใช้งาน Social Media ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคไทยมีแนวโน้มใช้เวลาอยู่กับ Social Media ยาวนานในแต่ละวัน ทำให้เจ้าของแบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นและสามารถสร้างการตลาดที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8. องค์การอาหารและยาประเทศไทย (Thai FDA)

องค์การอาหารและยาไทย (Thai FDA) มีบทบาทในการควบคุมและตรวจสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยทำหน้าที่ตรวจสอบและอนุมัติวัตถุดิบที่ใช้ในเครื่องสำอาง การตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของ

ผลิตภัณฑ์ การกำกับดูแลการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนด ประเทศไทยมีแนวทางการดำเนินนโยบายในการควบคุมกฎหมายที่สอดคล้องกับ ASEAN Cosmetic Directive ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยประเทศในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ฐานข้อมูลของวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในประเทศไทยยังมีการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือระดับสากล เช่น EU Cosing ของยุโรป และ PCPC (Personal Care Products Council) ของสหรัฐอเมริกา ทำให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในประเทศไทยมีมาตรฐานและปลอดภัยตามข้อกำหนดระดับสากล

9. ผู้จัดจำหน่าย (Distributors)

ผู้จัดจำหน่ายทำหน้าที่จัดการขนส่งและเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากผู้ผลิตไปยังผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค พวกเขามีบทบาทสำคัญในการประกันว่าผลิตภัณฑ์จะถึงมือลูกค้าในสภาพที่ดีและตรงตามเวลาที่กำหนด

10. ผู้ค้าปลีก (Retailers)

ผู้ค้าปลีกคือร้านค้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้กับผู้บริโภค พวกเขามีหน้าที่ในการให้บริการลูกค้า การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการขาย ผู้ค้าปลีกสามารถเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้าพิเศษ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าออนไลน์ ความท้าทายของผู้ค้าปลีกคือการรักษาความพึงพอใจของลูกค้า

11. ผู้บริโภค (Consumers)

ผู้บริโภคคือบุคคลที่ซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผู้บริโภคมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความต้องการของตลาดและส่งผลต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต้องคำนึงถึง ในปัจจุบัน ผู้บริโภคมีการตื่นตัวในด้านการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพิ่มมากขึ้น โดยมีกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ (influencers) และยูทูบเบอร์ (YouTubers) ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางและ

ประเด็นทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรู้เท่าทันสินค้าในกลุ่มความงามและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ไม่ทราบว่ากำลังได้รับผลกระทบจากสินค้าที่มีปัญหา และอาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีแบรนด์ที่ไม่มีจริยธรรมในการผลิตสินค้าที่มีปัญหา ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบระยะยาวต่อสภาพผิวของผู้บริโภค ดังนั้น การมีข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคต้องมีเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

12. ผู้ตรวจสอบคุณภาพอิสระ (Independent Quality Assurance Verifiers - IQAVs)

ในห่วงโซ่อุปทานเครื่องสำอาง (cosmetic supply chain) หน่วยงานผู้ตรวจสอบคุณภาพอิสระ (IQAVs) มีบทบาทสำคัญในการรับรองความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หน่วยงานเหล่านี้ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองคุณภาพของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด ปัจจุบัน ในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอย่างอิสระ ลักษณะการทำงานของ IQAVs คือการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีสารสำคัญ (biomarkers) อยู่ในปริมาณที่เห็นผลหรือไม่ และตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพเป็นไปตามที่มีการประชาสัมพันธ์หรืออ้างอิงจากงานวิจัยหรือไม่ นอกจากนี้ IQAVs ยังมีหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

การมี IQAVs จะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้ผลิต เนื่องจากสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจาก IQAVs มีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด หน่วยงานนี้ยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถระบุปัญหาและปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การแนะนำและจัดตั้ง IQAVs ในประเทศไทยจึงเป็นข้อเสนอแนะสำคัญในงานวิจัยที่มีการตีพิมพ์ เนื่องจากจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่เรารู้จักและเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละฝ่ายจะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ การทราบว่าหน่วยงานแต่ละหน่วยมีบทบาทและหน้าที่อย่างไร จะช่วยให้เราสามารถประสานงานและสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพได้

การเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตเครื่องสำอาง เจ้าของแบรนด์ องค์การอาหารและยาประเทศไทย รวมถึงผู้บริโภค จะช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาดและสามารถตอบสนองต่อความท้าทายต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น หากคุณกำลังสนใจอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากหน้าเว็บหรือบริการของเราได้ที่นี่ คลิก

อ้างอิงงานวิจัยจาก

Panitsettakorn, W., Ongkunaruk, P., & Leingpibul, T. (2024). The present state of the cosmetics supply chain in Thailand and the prospective role of Independent Quality Assurance Verifiers (IQAVs) within the supply chain. Heliyon, 9, e20892. https://doi.org/10.1016/j.heliyon.2023.e20892