ก้าวสู่ความสำเร็จ: ความร่วมมือระหว่าง TIBD และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ในวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีและการศึกษา บริษัท เทคโนพรีเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TIBD) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (KMUTNB) เพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาและการวิจัยในอุตสาหกรรมไทย
เสริมสร้างความร่วมมือ: จุดเริ่มต้นของอนาคต
ในปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีและการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง TIBD และ KMUTNB เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและยกระดับคุณภาพการศึกษาและการวิจัยในประเทศไทย
การลงนามในครั้งนี้จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยมีผู้แทนจากทั้งสององค์กรเข้าร่วม ได้แก่ นายณัฐพล สมรักษ์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง TIBD นายวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร กรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง TIBD ในส่วนของ KMUTNB มีรองศาสตราจารย์ ดร.เพียรพูล กมลจิตร์ประภา คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัชวาล สิงหะพล รองคณบดีฝ่ายพัฒนาวิจัยและบริการวิชาการ และรองศาสตราจารย์ ดร.สมิทธิชัย สียางนอก หัวหน้าภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เป็นผู้แทนลงนาม
ข้อกำหนดและเป้าหมายหลักของ MOU
บันทึกข้อตกลงนี้มีระยะเวลาครอบคลุมถึง 3 ปี โดยมีข้อกำหนดและเป้าหมายหลักดังนี้:
- สนับสนุนโปรแกรมสหกิจศึกษา: เพื่อพัฒนาคุณภาพของบัณฑิตให้มีความพร้อมในการทำงานในสายอาชีพ การสนับสนุนโปรแกรมสหกิจศึกษานี้จะทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะและประสบการณ์การทำงานจริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต
- ส่งเสริมการฝึกอบรมและกิจกรรมทางวิชาการ: เช่น การฝึกงาน การประชุมสัมมนา และการเยี่ยมชมศึกษาดูงาน ความร่วมมือนี้จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาและนักวิจัยได้เข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการที่มีคุณภาพ และสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญในวงการ
- ร่วมมือในการวิจัย: เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความร่วมมือในการวิจัยจะเน้นการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในอุตสาหกรรม และมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
- แลกเปลี่ยนข้อมูลและสิ่งพิมพ์: เพื่อเสริมสร้างความรู้และการพัฒนางานวิจัยร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและสิ่งพิมพ์จะช่วยให้ทั้งสององค์กรสามารถติดตามความก้าวหน้าในวงการวิจัยและพัฒนา และนำความรู้ที่ได้มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการทำงาน
- สร้างเครือข่ายความร่วมมือ: ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและประสิทธิภาพในการดำเนินงานร่วมกัน และเป็นฐานข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
การเยี่ยมชมศูนย์ SICC
ทั้งนี้ ทาง TIBD ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (SICC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริการวิชาการด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์ขั้นสูง โดยทางผู้บริหารของคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ได้แนะนำเครื่องมือและบริการที่มีความน่าสนใจและพร้อมจะให้บริการแก่ภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ศูนย์ SICC มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ร่วมกันอย่างคุ้มค่า ลดความซ้ำซ้อนในการจัดซื้อครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง และสนับสนุนการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ โดยศูนย์ฯ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีแห่งการก่อตั้งคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์
ศูนย์ SICC ยังได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025:2017 ในปี 2564 โดยผ่านการพิจารณาการตรวจประเมินจากคณะกรรมการภายนอก และได้รับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
ความเชี่ยวชาญและการมีส่วนร่วมของ TIBD
บริษัท TIBD ก่อตั้งขึ้นด้วยเป้าหมายในการพัฒนาและจัดการเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี TIBD มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และยกระดับมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพในอุตสาหกรรม ทีมงานของ TIBD ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์สูง พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายณัฐพล สมรักษ์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง TIBD กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ KMUTNB เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ TIBD สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต เพื่อยกระดับมาตรฐานในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามของไทย”
นายวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร กรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง TIBD กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ โดยผู้บริโภคเริ่มมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น และมองหาผลิตภัณฑ์ที่เน้นประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมให้ผู้ประกอบการ โรงงานเครื่องสำอางและเจ้าของแบรนด์ ต้องปรับตัว เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแข่งขันในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม”
มุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาและนักวิจัยไทย ให้มีความรู้ความสามารถที่สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพสูง
TIBD และ KMUTNB มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและยกระดับมาตรฐานในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามของไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความตั้งใจของทั้งสององค์กรในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย