มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกับบริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด เปิดตัวบริษัท เค-เอพีไอ จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวบริษัทร่วมทุน เค–เอพีไอ (K-API)
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ บริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ทีไอบีดี จำกัด (TIBD)) ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัท เค-เอพีไอ จำกัด (K-API) ณ อาคารธีระ สูตะบุตร สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลายภาคส่วน ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย และอุตสาหกรรม เข้ามาร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีในการเปิดตัวบริษัทร่วมทุนครั้งนี้
ในช่วงต้นของงาน ผศ.ดร.นุชนาถ มั่งคั่ง รองอธิการบดีฝ่ายการเงินและบริหารทรัพย์สิน และกรรมการบริษัท เคยูนิเวิร์ส จำกัด ได้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยเน้นถึงความสำคัญของการผนึกกำลังระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน ในการยกระดับงานวิจัยของไทยให้พร้อมสำหรับการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ผศ.ดร.นุชนาถ ได้อธิบายถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในการพัฒนาผลงานวิจัยคุณภาพสูงที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ทั้งภายในประเทศและระดับสากล ตลอดจนกล่าวถึงความมุ่งมั่นของบริษัท เคยูนิเวิร์ส จำกัด ในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างงานวิจัยและอุตสาหกรรม เพื่อให้ผลงานวิจัยได้รับการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
บริษัท เค-เอพีไอ จำกัด เป็นบริษัทที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท เคยูนิเวิร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด โดยมีเป้าหมายหลักในการรับถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ทั้งด้านการผลิต จัดจำหน่าย รวมถึงการนำวัตถุดิบที่เหลือใช้จากการเกษตรมาสร้างมูลค่าใหม่ให้เกิดประโยชน์กับทั้งเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภค โดยสารออกฤทธิ์เหล่านี้จะถูกพัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมสมุนไพร เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น
บริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด ยังได้ลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการผลิตสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสถานที่หรือการติดตั้งเครื่องจักรที่ทันสมัย ในพื้นที่ของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผล ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อให้การผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับสากล
โดยในงาน คุณไชยยุทธ เมฆเสรีกุล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด ได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์ของ K-API ซึ่งมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการนำงานวิจัยด้านสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติไปพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพร อีกทั้งคุณไชยยุทธยังได้ชี้ให้เห็นโอกาสที่หลากหลายของสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลายแขนง และจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะในด้านการผลิตสารออกฤทธิ์จากธรรมชาติที่มีศักยภาพเพื่อตอบโจทย์ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ดร.พิลาณี ไวถนอมสัตย์ ผู้อำนวยการสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (KAPI) ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนางานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมให้กับหลากหลายองค์กร ได้ย้ำถึงบทบาทของสถาบันในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนที่จะประสานงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับภาคเอกชน ดร.พิลาณี อธิบายถึงความสำคัญของการทำงานแบบบูรณาการที่ผสานความเชี่ยวชาญของนักวิจัยเข้ากับประสบการณ์ทางการตลาดและการผลิต เพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาสารออกฤทธิ์ ซึ่งจะช่วยให้ผลงานวิจัยสามารถพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงท้ายของงาน คุณวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ทรัพย์ ไบโอเทค จำกัด ได้กล่าวถึงปัญหาของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย เช่น การใส่สารออกฤทธิ์ไม่ถึงปริมาณที่เห็นผลเพื่อลดต้นทุนของผู้จัดจำหน่ายหรือโรงงาน การใช้สารออกฤทธิ์ที่ไม่ได้แสดงตัวบ่งชี้ทางชีวิภาพ (Biomarker) ที่โดดเด่น โดยบทบาทของบริษัท เค-เอพีไอ จำกัด จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก โดยการพัฒนาสารออกฤทธิ์ที่มีการควบคุมตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) เพื่อให้ได้สารออกฤทธิ์ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัยได้สูงสุด และเน้นย้ำถึงความสำคัญของ เค-เอพีไอ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตในตลาดโลก และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัยและการพาณิชย์ที่ยั่งยืน
การก่อตั้งบริษัท เค-เอพีไอ จำกัด (K-API) จึงนับเป็นตัวอย่างความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่งานวิจัยไทย เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันระดับสากล และเปิดโอกาสใหม่ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ และนักวิจัยในการนำผลงานวิจัยด้านสารออกฤทธิ์ทางธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ก้าวสู่อนาคตของอุตสาหกรรมสุขภาพและความงามที่มั่นคงและยั่งยืนในเวทีโลก
