ธุรกิจครีมซอง น่าสนใจอยู่หรือไม่ ?
ธุรกิจครีมซอง น่าสนใจอยู่หรือไม่ ?
“อุตสาหกรรมความงาม” เป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด มูลค่าตลาดจากข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์ปี 2018 พบว่า มูลค่าตลาดความงามไทยมีมูลค่า 1.92 แสนล้านบาท เติบโต 7.3% เพราะก้อนเค้กขนาดมหึมานี่เอง ทำให้มีแบรนด์ๆใหม่ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ เข้ามาสร้างสีสันให้กับธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เมื่อโฟกัสมาที่ตลาดสกินแคร์เองก็มีมูลค่าสูงถึง 8.65 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.9%
หากลองออกไปสำรวจร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆอย่างเซเว่น-อีเลฟเว่น หรือแม้แต่ร้านค้าปลีกเล็กๆจะพบว่า ในชั้นวางของกลุ่มผลิตภัณฑ์สวยๆงามๆ มีสกินแคร์แบบซองและเครื่องสำอางแบบซองวางเรียงรายไม่ต่ำกว่า 50 ผลิตภัณฑ์ หากสังเกตดีๆ จะพบว่าทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ หรือจะเป็นแบบจ้างผลิต (OEM) ต่างหันมาทำผลิตภัณฑ์ไซส์เล็กที่พกพาง่าย หรือ “ครีมซอง” ในราคาหลักสิบกันนับไม่ถ้วน และจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อะไรทำให้มูลค่าตลาดครีมซองโตแบบก้าวกระโดด ?
ในแง่ของผู้บริโภค มี 2 ปัจจัยหลักๆที่ครีมซองตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี
- ราคา (Price Point) ที่ง่ายต่อการจ่ายเพื่อทดลองใช้ โดยแต่ละแบรนด์จะวางราคาขายไว้ตั้งแต่ 19 – 59 บาท ในปริมาณ 7.5 กรัม – 10 กรัม ซึ่งเป็นราคาและขนาดที่ควักจ่ายง่าย ช่วยเพิ่มการทดลองสินค้าได้เป็นอย่างดี ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ดีนักตามภาวะเศรษฐกิจ การซื้อสินค้าไซส์ซองขนาดเล็กที่มีราคาไม่สูงนักจึงเป็นทางออกอย่างหนึ่ง
- เพิ่มความสะดวกสบาย (Convenience) ให้กับลูกค้า ในกรณีที่ต้องเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางด้วยเครื่องบิน ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณในการถือขึ้นเครื่อง
ในแง่ของแบรนด์ใหญ่ๆเองก็ใช้กลยุทธ์ราคาและไซส์ซิ่งขนาดเล็กแบบซองมานี้ใช้เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น สู่ตลาดแมสมากขึ้น ผ่านร้านสะดวกซื้อทั้งหลาย ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน กลยุทธ์ราคาและไซส์ซิ่งนี้เป็นอาวุธสำคัญในการสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี
คู่แข่งเยอะแบบนี้ แล้วยังน่าสนใจไหม ?
ปัจจุบันผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand loyalty) น้อยลง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20 – 35 ปี แบรนด์เจ้าตลาดจึงค่อยๆลดบทบาทลง ผู้บริโภคหันไปอยากลองและเปิดใจกับแบรนด์ใหม่ๆ ที่พบในรีวิวออนไลน์มากขึ้น และสามารถซื้อไปทดลองใช้โดยไม่ต้องกังวลกับเงินที่เสียไปเพียงเล็กน้อย ข้อนี้จึงน่าจะไม่เป็นอุปสรรคกับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่อยากลงไปในตลาด
อย่างไรก็ตาม ผู้ประการหน้าใหม่ควรมีการทำการบ้านที่ดีด้วยเช่นกัน เริ่มจากศึกษาตลาดพร้อมค้นหาช่องว่างให้พบ ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค แล้วไปโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุดมากกว่าการแก้ปัญหาผิวโดยรวม มีเทคโนโลยีหรือส่วนผสมที่น่าสนใจ แล้วจึงทำการตลาดด้วยข้อความดึงดูดใจสื่อสารกับเป้าหมายได้ชัดเจน ตรงจุด สอดคล้องกับงบประมาณที่มี
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงหลักการเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกมากมาย แต่หากมีความตั้งใจจริง เชื่อว่า ประโยคที่ว่า “ มาทีหลัง..ก็ดังกว่า” ก็อยู่ไม่เกินเอื้อม
สามารถชมบทความ ธุรกิจครีมซอง น่าสนใจอยู่หรือไม่ ? และอื่นๆได้ที่นี่
ข้อมูลอ้างอิง