หากคุณกำลังมองหาแนวทางการพัฒนาสินค้าเสริมอาหาร (Dietary Supplement) หรือกำลังขยายแบรนด์ให้แตกต่างและโดดเด่น “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” นับเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ฟักข้าว (Momordica cochinchinensis Spreng.) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผลไม้จากสวรรค์” ซึ่งอุดมไปด้วยสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids) โดยเฉพาะไลโคปีน (lycopene) และเบตาแคโรทีน (beta-carotene) ในปริมาณที่สูงกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่า จึงเหมาะอย่างยิ่งในการพัฒนาสูตรเสริมอาหาร โดยเฉพาะรูปแบบ “ซอฟท์เจล (Softgel)” ที่สามารถเก็บรักษาคุณค่าสารสำคัญและเพิ่มความสะดวกในการรับประทานได้มากยิ่งขึ้น
บทความนี้จะชวนคุณมาทำความรู้จักศักยภาพของ น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ในเชิงงานวิจัย กลไกการออกฤทธิ์ต่อสุขภาพ รวมถึงตัวอย่างสินค้าต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ พร้อมแนวทางการนำไปต่อยอดในธุรกิจเสริมอาหารอย่างมืออาชีพ สำหรับผู้อ่านที่เป็นเจ้าของแบรนด์ หรือผู้ที่สนใจลงทุนพัฒนาสินค้าประเภทซอฟท์เจล (Softgel) และกำลังมองหาพาร์ทเนอร์รับจ้างผลิต (OEM/ODM) เรามีคำแนะนำและโอกาสดี ๆ รอคุณอยู่
น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) คืออะไร?
ฟักข้าว (Momordica cochinchinensis Spreng.) เป็นผลไม้เขตร้อนที่พบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเนื้อเยื่อสีแดงสดหุ้มเมล็ดซึ่งอุดมไปด้วย แคโรทีนอยด์ (carotenoids) โดยเฉพาะไลโคปีน (lycopene) และเบตาแคโรทีน (beta-carotene) ในระดับที่สูงกว่าผลไม้อื่น ๆ หลายเท่า แหล่งข้อมูลบางแหล่งระบุว่าปริมาณไลโคปีนในฟักข้าวอาจสูงกว่ามะเขือเทศถึงประมาณ 70 เท่า ขณะที่เบตาแคโรทีนสูงกว่าแครอทได้ราว 10-15 เท่า เลยทีเดียว
เมื่อนำฟักข้าวมา สกัดเย็น (cold-pressed) เป็นน้ำมันที่เรียกว่า น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ก็ยิ่งมีความเข้มข้นของสารอาหารสูง โดยยังคงไว้ซึ่งวิตามินอี (vitamin E หรือ α-tocopherol) และกรดไขมันจำเป็น (essential fatty acids) เช่น กรดโอเลอิก (oleic acid, Omega-9) ไลโนเลอิก (linoleic acid, Omega-6) และกรดปาลมิติก (palmitic acid) ในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้การดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ศักยภาพของน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ต่อสุขภาพ: งานวิจัยชี้ถึงประโยชน์ชัดเจน
หลากหลายงานวิจัยทางโภชนาการและเภสัชวิทยายืนยันว่า น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีฤทธิ์ทางชีวภาพที่หลากหลาย ดังต่อไปนี้
ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
- ไลโคปีน (lycopene) และเบตาแคโรทีน (beta-carotene) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดภาวะเครียดออกซิเดชันในร่างกาย ป้องกันเซลล์เสื่อมและภาวะอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเรื้อรังและความชรา
- งานทดลองในหลอดทดลองพบว่าสารสกัดจากเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวสามารถปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ และเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด
ส่งเสริมการมองเห็นและป้องกันภาวะขาดวิตามินเอ (vitamin A deficiency)
- เบตาแคโรทีน (beta-carotene) ที่อยู่ในน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) จัดเป็นโปรวิตามินเอ (provitamin A) เมื่อร่างกายดูดซึมแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการมองเห็น (โดยเฉพาะในที่มืด) และช่วยรักษาสุขภาพผิวและเยื่อบุผิว
- การศึกษากับเด็กในเวียดนาม พบว่าการบริโภคน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ต่อเนื่อง 30 วัน ทำให้ระดับเบตาแคโรทีนและวิตามินเอ (retinol) ในพลาสมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดภาวะขาดวิตามินเอได้
ปรับสมดุลเมแทบอลิซึม (metabolism) ควบคุมระดับน้ำตาล
- จากงานวิจัยในหนูทดลองที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 การเสริมอาหารด้วยเยื่อฟักข้าวที่มีแคโรทีนอยด์สูงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (fasting blood glucose) ลดลง ค่า HbA1c ลดลง และยังพบว่าฮอร์โมน GLP-1 (glucagon-like peptide-1) เพิ่มขึ้น ขณะที่เกรลิน (ghrelin) ที่กระตุ้นความหิวลดลง และอะดิโพเนคติน (adiponectin) กลับมาสู่ระดับปกติ
- สันนิษฐานว่ากลไกนี้เกิดจากการกระตุ้นตัวรับรสหวาน (taste receptor) บนผนังลำไส้โดยสารออกฤทธิ์ในน้ำมันฟักข้าว ส่งเสริมการหลั่ง GLP-1 และเพิ่มความไวอินซูลิน
ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) และต้านมะเร็ง (Anti-cancer)
- ไลโคปีน (lycopene) และเบตาแคโรทีน (beta-carotene) มีฤทธิ์ยับยั้งสารก่อการอักเสบบางชนิด (pro-inflammatory cytokines) และส่งเสริมให้เซลล์ที่ผิดปกติเกิดกระบวนการอะพอพโทซิส (apoptosis) โดยเฉพาะในเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งผิวหนัง
- แม้ว่าหลักฐานในมนุษย์ยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติม แต่แนวโน้มเป็นไปในทางที่สามารถเสริมการป้องกันและอาจมีส่วนช่วยในการรักษามะเร็ง
บำรุงผิวพรรณและความงาม (Beauty & Skincare)
- แคโรทีนอยด์ (carotenoids) และวิตามินอี (vitamin E) ใน “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” ช่วยปกป้องผิวหนังจากอนุมูลอิสระและรังสี UV ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
- มีรายงานจากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) ที่มีน้ำมันฟักข้าว ระบุว่าสังเกตเห็นสภาพผิว ผม และเล็บดีขึ้นเมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง
ความได้เปรียบของน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ในรูปแบบ “ซอฟท์เจล (Softgel)”
หนึ่งในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมมากคือ ซอฟท์เจล (Softgel) ซึ่งมีข้อดีหลายประการสำหรับการพัฒนาสินค้าน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil):
- การเก็บรักษาสารอาหาร (Nutrient Preservation): ซอฟท์เจลช่วยป้องกันน้ำมันสัมผัสแสง อากาศ และความชื้น ลดการเสื่อมสลายของไลโคปีนและเบตาแคโรทีน
- กลืนง่าย ไม่มีรสหรือกลิ่นรบกวน: ซอฟท์เจลมักมีขนาดเล็ก กลืนง่าย ไม่มีกลิ่นฉุนของน้ำมันติดคอ จึงเหมาะกับผู้บริโภคที่ไม่ชอบรสชาติของน้ำมันสกัด
- กำหนดมาตรฐานต่อเม็ดได้ชัดเจน: สามารถกำหนดปริมาณไลโคปีน (lycopene) และเบตาแคโรทีน (beta-carotene) ที่ต้องการต่อเม็ดได้สะดวก ผู้บริโภคจึงมั่นใจว่าได้รับปริมาณสาระสำคัญครบถ้วน
- เสริมสารอาหารอื่นได้หลากหลาย: หากต้องการเจาะกลุ่มที่มากกว่า “แคโรทีนอยด์ (carotenoids)” อาจเสริมกรดไขมัน DHA (docosahexaenoic acid) หรือวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสรรพคุณได้
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ในตลาดอเมริกาและยุโรป

Vinaga Gac Oil Capsules (เวียดนาม, ส่งออกทั่วโลก)
- เน้นโปรวิตามินเอ (provitamin A) และวิตามินอี (vitamin E) จาก “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” เข้มข้น ผสม DHA เล็กน้อย

Only Gac Fruit Oil Capsules (สหราชอาณาจักร)
- เกรดพรีเมียม เน้น “cold-pressed” คุณภาพสูง อ้างอิงงานวิจัยและทดสอบในอังกฤษก่อนเปิดตัว

Ox Health Gac Superfruit Softgels (สหรัฐอเมริกา)
- ผสานน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) เข้มข้นกับ DHA (โอเมก้า-3) จึงชูจุดขายด้านสมอง หัวใจ และภูมิต้านทาน

Pharmanex g3™ Gac Superfruit Blend (สหรัฐอเมริกา/จำหน่ายทั่วโลก)
- ถึงแม้จะมาในรูปเครื่องดื่ม (liquid supplement) แต่ใช้ “ฟักข้าว (Gac)” เป็นวัตถุดิบหลัก ผสานผลไม้ต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ชูจุดเด่นเรื่อง “lipocarotene” ซึ่งเป็นโครงสร้างที่แคโรทีนอยด์จับกับกรดไขมัน ช่วยให้ดูดซึมได้สูงกว่าคาร์โรทีนอยด์ทั่วไป
แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟท์เจล (Softgel) ด้วยน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)
1.) คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ (High-quality Raw Material)
- เลือก “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” ที่ผ่านการสกัดเย็น (cold-pressed) หรือกระบวนการสกัดที่รักษาคุณค่าสารสำคัญไว้ได้สูงสุด
- ตรวจสอบโลหะหนัก สารเคมีตกค้าง รวมถึงเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล
2.) คงปริมาณสารสำคัญ (Standardized Carotenoids)
- ใช้ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในการวัดปริมาณไลโคปีน (lycopene) เบตาแคโรทีน (beta-carotene) และวิตามินอี (α-tocopherol) เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพทุกล็อต
- เก็บรักษาในบรรจุภัณฑ์ทึบแสง ปิดสนิท ลดการสัมผัสกับออกซิเจน
3.) การออกแบบสูตรเสริม (Formulation)
- หากมุ่งเน้น “สายตาและผิว” อาจผสมวิตามินเอ (vitamin A), วิตามินซี (vitamin C), วิตามินอี (vitamin E) หรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เพื่อเสริมผลลัพธ์
- ถ้าต้องการตีตลาด “กลุ่มสุขภาพเมแทบอลิซึม” อาจเสริมโครเมียม (chromium) วิตามินดี (vitamin D) หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง
- สำหรับตลาด “สมองและหัวใจ” สามารถเพิ่ม DHA หรือ EPA (eicosapentaenoic acid) เพื่อเจาะกลุ่มผู้ที่ต้องการโอเมก้า-3
4.) งานวิจัยและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Backing)
- อ้างอิงงานวิจัยที่สนับสนุนประโยชน์ของ “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” ต่อนัยน์ตา ผิวหนัง และการปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด
- ถ้าเป็นไปได้ การทำการทดลองในอาสาสมัคร (clinical trial หรือ in-house study) จะยิ่งเสริมความน่าเชื่อถือให้แบรนด์มากขึ้น
5.) การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Regulatory Compliance)
- ในสหภาพยุโรปอาจต้องพิจารณา Novel Food Regulation หากจะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันฟักข้าว
- สหรัฐอเมริกาอาจต้องขึ้นทะเบียนอาหารเสริม (Dietary Supplement) กับ FDA รวมถึงศึกษาข้อกำหนดการติดฉลาก (labeling) อย่างเคร่งครัด

โอกาสและเทรนด์ตลาดน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ในซอฟท์เจล
- เทรนด์ Superfruit & Natural Supplements: ผู้บริโภคยุคใหม่สนใจวัตถุดิบจากธรรมชาติ (plant-based) และมีงานวิจัยรองรับ “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” จึงตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารสังเคราะห์
- ตลาดสุขภาพและความงาม (Health & Beauty): ไลโคปีน (lycopene) และเบตาแคโรทีน (beta-carotene) เป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่าช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ เทรนด์เสริมความงามจากภายใน (inner beauty) กำลังเติบโต
- ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ (Unique Selling Point): แม้ว่าตลาดอาหารเสริมจะแข่งขันสูง แต่ “ฟักข้าว (Gac)” ยังค่อนข้างใหม่ในตลาดตะวันตก เป็นโอกาสให้แบรนด์ไทยหรือผู้ประกอบการเอเชียสร้างเรื่องราว (story-telling) และจุดขายที่ต่างไปจากคู่แข่ง
สรุปภาพรวม – ทำไมน้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) จึงเหมาะต่อการพัฒนาสินค้าซอฟท์เจล (Softgel)
- อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินสำคัญ ไลโคปีน (lycopene), เบตาแคโรทีน (beta-carotene), วิตามินอี (vitamin E) และกรดไขมันจำเป็นหลายชนิด ผสานกันเพื่อส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม
- งานวิจัยสนับสนุนหลากหลายด้าน ตั้งแต่บำรุงสายตา ผิวพรรณ ไปจนถึงเสริมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และอาจช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง
- ตอบรับเทรนด์ธรรมชาติ (Natural) ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์มากขึ้น Gac Oil จึงเข้าถึงใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ดี
- สร้างจุดขายแตกต่างจากคู่แข่ง น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) เป็นวัตถุดิบที่ยังไม่แพร่หลายไปทั่วโลก ให้แบรนด์เล่าเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสานเทคโนโลยีสกัดสมัยใหม่ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- รูปแบบซอฟท์เจล (Softgel) เสริมภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม ง่ายต่อการบริโภค เก็บรักษาคุณภาพสารสำคัญได้ดี และกำหนดปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อเม็ดได้อย่างแม่นยำ
พัฒนาแบรนด์ซอฟท์เจล (Softgel) ด้วย “น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil)” กับผู้เชี่ยวชาญ
หากสนใจพัฒนาสินค้าซอฟท์เจล (Softgel) จาก น้ำมันฟักข้าว (Gac Oil) ไม่ว่าจะเพื่อบำรุงดวงตา, ผิวพรรณ, สุขภาพเมแทบอลิซึม หรือเสริมภูมิต้านทาน ติดต่อทีมวิจัยและพัฒนา เพื่อออกแบบสูตรและรองรับการทดสอบประสิทธิภาพ เพื่อสร้างจุดขายที่น่าเชื่อถือได้ที่นี่ คลิก
เอกสารอ้างอิง (References)
- Vuong L.T. et al. (2002). Plasma β-carotene and retinol concentrations of children increase after a 30-d supplementation with the fruit Momordica cochinchinensis (gac). Am J Clin Nutr, 75(5): 872-879.
- Ishida B.K. et al. (2004). Fatty acid and carotenoid composition of gac (Momordica cochinchinensis) fruit. J Agric Food Chem, 52(2): 274-279.
- Hsieh Y-Y. et al. (2024). Consumption of carotenoid-rich Momordica cochinchinensis (Gac) aril improves glycemic control in type 2 diabetic mice…. Food & Function, 15(23): 11415-11431.
- Praphasawat R. et al. (2023). Momordica cochinchinensis (Gac) Aril Extract Induces Apoptosis of Colorectal Cancer Cells.
- Only Gac Fruit Ltd. (2018). Antioxidant ‘Wonder’ Gac Fruit Oil Capsules Launched.
- 6. Burkhart, A. (2021). Gac Fruit: The Superfood You Have Never Heard Of.