ในอุตสาหกรรมความงามที่มีการแข่งขันสูง “ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย” นับเป็นอีกหมวดหมู่ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นบำรุงผิว (Body Lotion), ครีมกันแดดผิวกาย, สครับขัดผิว, บอดี้เซรั่ม หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์กระชับผิวกาย (Firming Body Care) ซึ่งแนวโน้มผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพมากขึ้น
จากข้อมูลของ Euromonitor (2018–2028) ตลาด Body Care ในประเทศไทยมีมูลค่าเติบโตจากประมาณ 9,512.80 ล้านบาท ในปี 2018 เป็น 16,997.90 ล้านบาท ในปี 2028 แม้บางช่วง (เช่น ปี 2020) จะมีมูลค่าลดลงบ้างจากปัจจัยภายนอก แต่ภาพรวมระยะยาวยังมีอัตราขยายตัวที่แข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วิเคราะห์โอกาสในตลาด Body Care: Firming vs. General Purpose
Firming Body Care (ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายสูตรกระชับผิว)
- ตลาดเติบโตจาก 2,685.60 ล้านบาท ในปี 2018 เป็น 4,720.60 ล้านบาท ในปี 2028
- Premium Firming เติบโตตามผู้บริโภคกลุ่มที่ต้องการคุณภาพและนวัตกรรมสูง พร้อมยอมจ่ายแพงขึ้น มูลค่าจาก 762 ล้านบาท (2018) ไปจนถึง 1,363.30 ล้านบาท (2028)
- Mass Firming เติบโตจาก 1,923.60 ล้านบาท (2018) เป็น 3,357.40 ล้านบาท (2028) เน้นผู้บริโภคในวงกว้างที่มองหา “ของดีราคาจับต้องได้”
General Purpose Body Care (ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายทั่วไป)
- ตลาดหลักมูลค่าสูงกว่า Firming Body Care โดยเพิ่มจาก 6,827.20 ล้านบาท (2018) เป็น 12,277.30 ล้านบาท (2028)
- Premium General Purpose แม้ตลาดเล็กกว่า Mass แต่ก็เติบโตสม่ำเสมอ (468.5 → 711.8 ล้านบาท ช่วง 2018–2028) สอดคล้องกับเทรนด์ที่ผู้บริโภคบางส่วนต้องการสินค้าพรีเมียม
- Mass General Purpose เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด (6,358.70 → 11,565.50 ล้านบาท) และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เน้นตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วไปที่ยังคงมองหาคุณภาพในราคาที่จับต้องได้
Key Takeaway: ทั้ง Firming Body Care และ General Purpose Body Care มีโอกาสเติบโตในตลาดไทยอย่างมีนัยสำคัญ การเลือกโฟกัสกลุ่มใด (หรือทำทั้งสองกลุ่ม) ควรพิจารณาปัจจัยด้าน Positioning, ต้นทุน และจุดขาย (Value Proposition) ของแบรนด์
ทำไมต้องเลือก TIBD R&I Partner ในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย
การวิเคราะห์ Market Data เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากขาดการลงลึกถึง “การวิจัยและนวัตกรรม (R&I)” ที่จะทำให้คุณสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์เทรนด์และความต้องการของตลาดได้อย่างแท้จริง
- ทีมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา
- TIBD R&I Partner มีทั้ง R&D Manager, Product Manager, Brand Manager และ Business Strategist ช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงเทคนิคและการตลาด
- มองเห็นโอกาสจากข้อมูล Euromonitor แล้วเชื่อมต่อสู่งานวิจัยจริง ปรับใช้ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ
- ฐานข้อมูลวิจัยและนวัตกรรมครบวงจร
- เข้าถึงงานวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตระดับสากล
- เลือก Active Ingredients และเทคโนโลยีตามเทรนด์ที่กำลังมาแรง เช่น Firming, Anti-Ageing, Whitening, Clean Beauty ฯลฯ
- การทดสอบสาระสำคัญและคุณภาพอย่างแม่นยำ
- มีเครื่องมือและผู้เชี่ยวชาญตามมาตรฐานสากล
- ทดสอบ Stability และ Compatibility เพื่อให้ผลิตภัณฑ์คงคุณภาพตลอดอายุการใช้งาน
- ดูแลกระบวนการ Scale up และควบคุมคุณภาพ
- เมื่อสูตรพร้อม การผลิตระดับโรงงาน (Scale up) ต้องอาศัยการบริหารจัดการ QC/QA ที่รอบด้าน
- TIBD R&I Partner ช่วยวางมาตรฐานให้ทุกล็อตได้คุณภาพใกล้เคียงกัน ลดความสูญเสีย
- วางแผนต้นทุนและราคาขายอย่างมีประสิทธิภาพ
- เข้าใจต้นทุนในทุกด้าน (R&D, วัตถุดิบ, การตลาด)
- กำหนด Pricing และ Positioning ให้เหมาะกับตลาด Mass หรือ Premium ตามข้อมูลเชิงลึกจาก Euromonitor
ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายกับ TIBD R&I Partner
1. กำหนด Product Concept และ Brand Concept ให้ชัดเจน
- ใช้แนวทางจาก Market Data เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัด เช่น ต้องการเจาะตลาด Firming Body Care หรือ General Purpose ในเซกเมนต์ Premium หรือ Mass
- วาง Brand Concept ให้สอดคล้อง เช่น เน้นสารสกัดธรรมชาติ (Natural), เทคโนโลยีล้ำสมัย (Innovative), หรือความเรียบง่ายแต่ได้ผล (Minimalist)
2. วางแผนต้นทุนและโครงสร้างราคา (Cost Structure & Pricing)
- พิจารณา Positioning ของแบรนด์ เทียบกับข้อมูลตลาด Premium vs. Mass
- ปรับสมดุลคุณภาพ-ต้นทุน ให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย
3. คัดเลือกส่วนผสมหลัก (Active Ingredients) และออกแบบสูตรต้นแบบ (Prototype)
- วิเคราะห์เทรนด์จากตลาด เช่น สูตรกระชับผิว (Firming) หรือสูตรบำรุงผิวกายทั่วไป
- เลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ เช่น Encapsulation, สารต้านอนุมูลอิสระ, วัตถุดิบออร์แกนิก ฯลฯ
4. วิจัยและทดสอบในห้องปฏิบัติการ (R&I Lab Testing)
- Stability Test, Compatibility Test, Efficacy Test, Safety Test
- ยืนยันคุณภาพให้เหมาะสมตามมาตรฐานที่กลุ่มเป้าหมายคาดหวัง
5. ปรับปรุงสูตรและทดสอบขั้นสุดท้าย (Refinement & Final Validation)
- เพิ่ม-ลดความเข้มข้นของสารสำคัญ หรือเปลี่ยนชนิดของสารบางตัว หากพบปัญหาระหว่างการทดสอบ
- ทดลองใช้จริงในกลุ่มเป้าหมาย เพื่อประเมินกลิ่น, เนื้อสัมผัส, ความชุ่มชื้น ฯลฯ
6. วางแผนการผลิต (Scale Up) และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
- กำหนดขั้นตอนการผลิตที่คงคุณภาพสารสำคัญ
- ควบคุมกระบวนการ QC/QA เพื่อลดความสูญเสียในการผลิต
7. ส่งมอบผลิตภัณฑ์และวางแผน Go-to-Market อย่างเป็นระบบ
- จัดเตรียมเอกสารเชิงเทคนิค (Lab Reports, Master Formula, Ingredient List)
- วางแผนกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) ตั้งแต่ออนไลน์ถึงออฟไลน์ให้เหมาะกับเซกเมนต์ที่เลือก
ก้าวสู่ตลาด Body Care อย่างมั่นคงด้วยข้อมูลและนวัตกรรม
ด้วยข้อมูลจาก Euromonitor เราเห็นชัดว่าตลาด Body Care ในประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตทั้งกลุ่ม Firming และ General Purpose ไม่ว่าจะเป็น Premium หรือ Mass ก็มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง การตัดสินใจเจาะตลาดใดจึงขึ้นอยู่กับกลยุทธ์แบรนด์ งบประมาณ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
“Body Care Formulation” หรือ “การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย” เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างข้อมูลเชิงลึกทางการตลาด (Market Data) และองค์ความรู้ด้านวิจัยและนวัตกรรม (R&I) อย่างมืออาชีพ TIBD R&I Partner พร้อมสนับสนุนตั้งแต่การวางคอนเซปต์ ผลิตภัณฑ์ จนถึงการส่งมอบสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล
หากคุณกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่ไว้วางใจได้ใน “การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย” ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหม่หรือแบรนด์ที่ต้องการปรับปรุงสูตรให้ตอบโจทย์เทรนด์ปัจจุบัน ติดต่อ TIBD R&I Partner เพื่อรับคำปรึกษาแบบครบวงจร พร้อมใช้ประโยชน์จาก Market Data อย่างเต็มที่ ต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น และคว้าโอกาสในตลาดความงามที่กำลังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ติดต่อเราเพื่อปรึกษาการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย (Body Care Development) คลิก