ในยุคที่อุตสาหกรรมความงามเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง “การดูแลผิวหน้า” (Facial Skincare) ถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูงและมีอัตราการแข่งขันที่เข้มข้น เจ้าของแบรนด์มือใหม่หรือผู้ประกอบการที่มีแบรนด์อยู่แล้ว ต่างต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานสูง โดดเด่น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าประสบความสำเร็จ คือ “การวิจัยและนวัตกรรม” (R&I: Research and Innovation) อย่างจริงจังและครบวงจร ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดคอนเซปต์ การเลือกส่วนผสม การทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไปจนถึงการวางแผนต้นทุนและการตลาดให้เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ TIBD R&I Partner จึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการ “พัฒนาสูตรครีมบำรุงผิวหน้า” และ “skincare formulation” แบบมืออาชีพ ที่ผสานความเชี่ยวชาญทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และธุรกิจ เพื่อผลักดันให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นและแข่งขันได้ในระดับสากล
แนวโน้มตลาดสกินแคร์กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า
การเติบโตของอุตสาหกรรมสกินแคร์ในประเทศไทยตลอดช่วงปี 2018-2023 และคาดการณ์ถึงปี 2028 มีอัตราขยายตัวที่น่าจับตา โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (Facial Care) ซึ่งข้อมูลมูลค่าการขาย (Value) อยู่ในหน่วย “ล้านบาท” แสดงให้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- ในปี 2018 มีมูลค่าการขายรวมอยู่ที่ประมาณ 62,600 ล้านบาท
- ในปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 75,000 ล้านบาท
- และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 100,000 ล้านบาทปลาย ๆ ภายในปี 2028
สาเหตุที่ทำให้ตลาด Facial Skincare เติบโต
- การตื่นตัวของผู้บริโภค – ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพผิวมากขึ้น ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสิวและริ้วรอยก่อนวัย
- การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ความงาม – มีการค้นหาส่วนผสมใหม่ ๆ สารสกัดธรรมชาติ หรือนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น เทคโนโลยีนาโน (Nanotechnology) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลิตภัณฑ์
- ช่องทางโซเชียลมีเดีย – รีวิวจากบล็อกเกอร์และ Influencer ทำให้ข้อมูลเรื่องสกินแคร์กระจายเร็วขึ้น กระตุ้นความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ หากเจาะลึกตามประเภทย่อย เช่น ผลิตภัณฑ์รักษาสิว (Acne Treatments), Face Masks, Facial Cleansers, Moisturisers and Treatments หรือ Anti-Agers จะพบว่าแต่ละกลุ่มมีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นไม่น้อยไปกว่ากัน แบรนด์ที่สามารถวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) ได้เหมาะสมตรงความต้องการของผู้บริโภค ย่อมมีโอกาสขยายตลาดและก้าวสู่ความสำเร็จได้ง่ายกว่า
ทำไมต้องเลือก TIBD R&I Partner ในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า
- ทีมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา
TIBD R&I Partner มีทีมงานที่ประกอบไปด้วย R&D Manager, Product Manager, Brand Manager และ Business Strategist ที่พร้อมช่วยคุณในทุกมิติ ตั้งแต่การวิเคราะห์เทรนด์ตลาด ไปจนถึงการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์
- ฐานข้อมูลวิจัยและนวัตกรรมครบวงจร
ด้วยการเข้าถึงฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์และตลาดระดับสากล ทีมงานสามารถเลือกใช้ส่วนผสม (Active Ingredients) ที่มีผลงานวิจัยรองรับ รวมไปถึงเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพ (Efficacy) และความปลอดภัย (Safety)
- การทดสอบสารสำคัญและไบโอมาร์คเกอร์ (Biomarkers) ได้อย่างแม่นยำ
หนึ่งในข้อได้เปรียบของ TIBD R&I Partner คือ ความสามารถในการทดสอบสารสำคัญว่ามีการคงตัว (Stability) และไม่เสื่อมสภาพ (Degrade) ตลอดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ โดยมีเครื่องมือและผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล
- การดูแลกระบวนการผลิตจริง (Scale up) และควบคุมคุณภาพ
เมื่อได้สูตรที่พร้อมจำหน่าย ทีมงานจะร่วมวางแผนกระบวนการผลิตในระดับโรงงาน อาทิ การคัดเลือกเครื่องจักร กำหนดกระบวนการฆ่าเชื้อ การลดความสูญเสียระหว่างผลิต และการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) เพื่อให้ทุกล็อตการผลิตได้มาตรฐานเดียวกัน
- วางแผนต้นทุนและราคา
TIBD R&I Partner เข้าใจดีว่า ผลิตภัณฑ์ดีต้องขายได้จริงในตลาด จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนโครงสร้างต้นทุน (Cost Structure) และกำหนดราคาขาย (Pricing) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ากับ TIBD R&I Partner
กำหนด Product Concept และ Brand Concept ให้ชัดเจน
- Brand Concept: วางแนวคิดของแบรนด์ (Brand Essence) หรือคุณค่าหลัก (Core Value) ที่ต้องการสื่อออกไป เช่น เน้นธรรมชาติ (Natural), เน้นนวัตกรรม (Innovation) หรือเน้นความเป็นลักชัวรี (Luxury)
- Product Concept: ระบุให้ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าของคุณจะตอบโจทย์ปัญหาผิวแบบใด หรือเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มไหน เช่น สูตรลดริ้วรอย สูตรเหมาะกับผิวเป็นสิวง่าย หรือสูตรไวท์เทนนิ่ง
เมื่อ Brand Concept และ Product Concept สอดประสานกันอย่างลงตัว จะช่วยสร้างจุดยืนที่ชัดเจน ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ และผลิตภัณฑ์โดดเด่นในตลาด
วางแผนต้นทุนและโครงสร้างราคา (Cost Structure & Pricing)
- ประเมินงบประมาณ: พิจารณาการลงทุนโดยรวม ทั้งค่า R&D, ค่าวัตถุดิบ, ค่าบรรจุภัณฑ์, ค่าการทดสอบ ฯลฯ
- ตั้งเป้าหมายราคาขาย: วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ประกอบกับ Positioning เพื่อกำหนดราคาขายที่แข่งขันได้และมีกำไร
- ปรับสมดุลคุณภาพ-ต้นทุน: เลือกใช้ส่วนผสมและเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ไม่ทำให้ต้นทุนสูงเกินจนไม่สามารถแข่งขัน หรือถูกเกินจนคุณภาพลดลง
การวางแผนเรื่องต้นทุนตั้งแต่แรกจะช่วยให้คุณไม่เจอปัญหาต้นทุนบานปลาย จนผลิตภัณฑ์ไม่สามารถทำราคาขายได้ตามเป้า
คัดเลือกส่วนผสมหลัก (Active Ingredients) และออกแบบสูตรต้นแบบ
- ศึกษาข้อมูลจากฐานงานวิจัย: รวบรวมเทรนด์ตลาด (Market Trend) และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเลือกสารสำคัญที่มีประสิทธิภาพจริง
- เลือกสารสำคัญที่เหมาะกับ Product Concept: เช่น ถ้าต้องการลดการเกิดสิว อาจใช้สาร Anti-Bacterial หรือ Anti-Inflammatory ผสานกับสารช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า
- คำนึงถึงเนื้อสัมผัสและประสบการณ์ผู้ใช้: เลือกชนิดของเนื้อผลิตภัณฑ์ (ครีม, เซรั่ม, เอสเซนส์, เจล ฯลฯ) ให้ตรงกับความชื่นชอบของกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย
ในขั้นตอนนี้ ทีม TIBD R&I Partner จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการ เพื่อให้แน่ใจว่าสูตรต้นแบบที่ได้ ตรงตามคอนเซปต์แบรนด์และงบประมาณที่วางไว้
วิจัยและทดสอบเชิงลึกในห้องปฏิบัติการ (R&I Lab Testing)
- Stability Test: ทดสอบความคงตัวของเนื้อผลิตภัณฑ์ ดูการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น ความหนืด และสารสำคัญว่าคงอยู่ครบหรือไม่
- Compatibility Test: ทดสอบการเข้ากันได้ระหว่างสูตรผลิตภัณฑ์กับบรรจุภัณฑ์ เพื่อป้องกันปัญหาสารเสื่อมสภาพหรือเนื้อผลิตภัณฑ์เปลี่ยน
- Efficacy Test: ยืนยันประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น ความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย หรือช่วยให้ผิวกระจ่างใส
- Safety Test: ประเมินการแพ้และการระคายเคือง (Irritation Test) เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว
ผลการทดสอบทั้งหมดจะถูกนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงสูตรในขั้นตอนถัดไป
ปรับปรุงสูตรและทำการทดสอบขั้นสุดท้าย (Refinement & Final Validation)
- Refinement: ปรับความเข้มข้นของ Active Ingredients หรือเปลี่ยนชนิดของสารบางตัวให้เหมาะสมยิ่งขึ้นกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
- Sensorial Test: ทดสอบเนื้อสัมผัส กลิ่น ความสบายผิว (Skin Feel) และความพึงพอใจของอาสาสมัคร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด
- Final Validation: ทดสอบซ้ำจนมั่นใจว่าได้สูตรที่มีความเสถียร ตอบโจทย์ประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย พร้อมออกสู่ตลาด
วางแผนการผลิต (Scale Up) และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
- กำหนดกระบวนการผลิต: เลือกเครื่องจักร เทคโนโลยี และการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมกับลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์
- Quality Control (QC) & Quality Assurance (QA): จัดระบบตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงสินค้าสำเร็จรูป
- ปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดความสูญเสีย: บริหารสต็อกวัตถุดิบให้มีความเหมาะสม ควบคุมต้นทุนการผลิต เพื่อตอบรับกลยุทธ์ด้านราคาของแบรนด์
เมื่อจบขั้นตอนนี้ คุณจะได้สินค้าที่พร้อมเข้าสู่ตลาด แถมยังควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งมอบผลิตภัณฑ์และวางแผน Go-to-Market อย่างเป็นระบบ
- ส่งมอบเอกสารเชิงเทคนิค: รายงานผลการทดสอบ (Lab Reports), สูตรมาตรฐาน (Master Formula) และรายละเอียดส่วนผสม (Ingredient List) เพื่อเป็นหลักฐานรองรับ
- วางแผนกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy): สร้าง Positioning, Unique Value Proposition (UVP) และวางแผนสื่อสารแบรนด์ให้สอดคล้องกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์
- การกระจายสินค้า (Distribution Channels): พิจารณาช่องทางการขายที่เหมาะสม ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยการสนับสนุนของ TIBD R&I Partner ตั้งแต่เริ่มกระบวนการ คุณจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบอย่างรอบด้านและมีจุดยืนทางการตลาดชัดเจน
“การพัฒนาสูตรครีม” หรือ “การพัฒนาสูตรครีมบำรุงหน้า” อาจดูซับซ้อนและต้องใช้ทรัพยากรหลายด้าน แต่ก็เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดได้อย่างเข้มแข็ง ยิ่งตลาด Facial Skincare ในประเทศไทยและระดับโลกยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์มาตรฐานสูง มีงานวิจัยรองรับ และมีจุดขายแตกต่าง ย่อมมีโอกาสครองใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
การทำงานร่วมกับ TIBD R&I Partner จะช่วยให้คุณมีพาร์ทเนอร์ด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่ครบวงจร ตั้งแต่การกำหนดคอนเซปต์ การวางแผนต้นทุน การเลือกส่วนผสม การทดสอบความคงตัว และ skincare formulation เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ Skincare ของคุณก้าวขึ้นมาเป็นสินค้าที่น่าเชื่อถือและมีศักยภาพการแข่งขันสูงในตลาดความงาม
หากคุณพร้อมจะยกระดับแบรนด์สกินแคร์ให้โดดเด่นและได้มาตรฐานระดับสากล ติดต่อ TIBD R&I Partner เพื่อรับคำปรึกษาในทุกขั้นตอนการพัฒนาสูตรครีมบำรุงผิวหน้าและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (Facial Skincare Product Development) ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหม่หรือแบรนด์เดิมที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพ เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่เชื่อถือได้ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถแข่งขันในตลาดความงามได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ติดต่อเราเพื่อปรึกษาการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า คลิก