บริการบีบน้ำมันแบบเย็น ( Oil – Cold Press )

บริการบีบน้ำมันแบบเย็น (Oil – Cold Press) ครบวงจร: สกัด เย็น เพื่อคุณภาพน้ำมันชั้นเยี่ยม

การใช้น้ำมันจากพืชหรือสมุนไพรเพื่อประกอบอาหารและดูแลสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันรำข้าว น้ำมันอะโวคาโด หรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) ทั้งนี้ วิธีการ สกัด เย็น (cold press) เพื่อให้ได้น้ำมันคุณภาพสูง กลิ่นหอม และคุณค่าสารอาหารครบถ้วนนั้นเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับการยอมรับในระดับสากล

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวิธี น้ำมันสกันเย็น ว่าน้ำมันสกัดเย็นคืออะไรมีขั้นตอนการผลิตอย่างไร และจะช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบของคุณได้อย่างไร พร้อมแนะนำบริการน้ำมันหีบเย็น แบบครบวงจรที่เรามีให้ เพื่อให้คุณสามารถต่อยอดธุรกิจหรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย

น้ำมันสกัดเย็น คือ อะไร?

ความหมายของ “น้ำมัน สกัด เย็น (Cold Press Oil)”

• “น้ำมัน สกัด เย็น คือ” น้ำมันที่ได้จากการบีบหรือหีบเมล็ดพืช ถั่ว ผลไม้ หรืองา โดยไม่ผ่านกระบวนการให้ความร้อนสูง ไม่ใช้สารเคมีหรือสารละลายรุนแรงในขั้นตอนการสกัด
• คุณสมบัติเด่นของ cold press คือการคงคุณค่าสารอาหาร วิตามิน และกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acids) ได้มากกว่าวิธีการสกัดที่ใช้ความร้อนสูง (Hot Press) ซึ่งอาจทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์

 ความสำคัญของการ “สกัด เย็น” ในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม

• การสกัดเย็น ช่วยรักษากลิ่น สี และรสชาติธรรมชาติของพืชหรือสมุนไพรต้นทางได้อย่างดีที่สุด จึงตอบโจทย์อุตสาหกรรมที่ต้องการวัตถุดิบคุณภาพสูง เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมไปถึงธุรกิจน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)
• วิธีน้ำมันหีบเย็น ยังเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบทางการเกษตร โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีพืชหลากหลายชนิด เช่น งาม้อน งาดำ ถั่วดาวอินคา มะพร้าว อะโวคาโด หรือข้าวสาลี เป็นต้น จึงสามารถสร้างเอกลักษณ์และจุดขายให้กับผลิตภัณฑ์ได้อย่างแตกต่าง

หลักการทำงานของเครื่องบีบน้ำมันแบบเย็น (Cold Press Machine)

1. การใช้แรงดันแทนความร้อน

• เครื่องบีบน้ำมันแบบ cold press จะใช้แรงดันเชิงกล (Mechanical Pressure) เพื่อดึงเอาน้ำมันออกจากเมล็ดพืชหรือวัตถุดิบ แทนที่จะใช้อุณหภูมิสูงหรือสารเคมีในการละลายไขมัน
• กระบวนการสกัดด้วยการ “หีบเย็น” (บางครั้งเรียกว่า “หีบเย็นเชิงกล”) สามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่ไม่ทำลายคุณค่าของสารอาหารต่าง ๆ ช่วยให้กรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระยังคงอยู่ครบถ้วน

2. สภาวะที่เหมาะสมในการ สกัด เย็น

• • โดยทั่วไป อุณหภูมิในการ น้ำมัน สกัด เย็น จะอยู่ในช่วง 30 – 60 องศาเซลเซียส แม้จะเรียกว่า “เย็น” แต่ในบางกรณี อาจใช้ความร้อนต่ำ ๆ (Low Heat) ช่วยให้น้ำมันไหลออกง่ายขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่สูงจนทำลายสารอาหาร
  • การคุมความชื้น (Moisture Control) ของวัตถุดิบก็มีความสำคัญ หากวัตถุดิบมีความชื้นสูงเกินไป อาจทำให้กระบวนการ สกัด เย็น ยุ่งยาก หรือน้ำมันที่ได้อาจมีความชื้นปนเปื้อนมากเกินไป ซึ่งจะลดอายุการเก็บรักษา

3. การแยกน้ำมันออกจากสิ่งเจือปน

• หลังการบีบหรือหีบ วัตถุดิบอาจมีเศษเปลือกหรือกากพืชปะปน การกรอง (Filtration) และการตกตะกอน (Sedimentation) จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้น้ำมันมีความใสและบริสุทธิ์
• วิธีนี้ช่วยคงคุณภาพกลิ่นและรสชาติดั้งเดิมของน้ำมันได้ดีกว่าการใช้สารเคมีหรือกระบวนการขจัดสิ่งเจือปนด้วยวิธีความร้อน นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อดีของการทำ น้ำมันสกัดเย็น (Cold Press)

1. คงคุณค่าทางโภชนาการสูง

• วิธี cold press ไม่ผ่านกระบวนการให้ความร้อนสูง จึงไม่ทำลายวิตามิน แร่ธาตุ หรือกรดไขมันชนิดดี เช่น โอเมก้า-3 (Omega-3), โอเมก้า-6 (Omega-6) และโอเมก้า-9 (Omega-9)
• น้ำมันที่ได้จากการ สกัด เย็น จะมีสี กลิ่น และรสชาติเฉพาะตัวของพืชหรือสมุนไพรต้นทาง จึงนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์พรีเมียมได้อย่างลงตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก หรือเวชสำอางเพื่อผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

2. ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

• ไม่มีการใช้สารเคมีรุนแรง หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมากเหมือนกับกระบวนการสกัดที่ใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ (เช่น เฮกเซน) ซึ่งอาจก่อให้เกิดมลพิษ
• การ สกัด เย็น ไม่ก่อให้เกิดของเสียที่มีพิษ (Toxic Waste) ต่อผู้ปฏิบัติงานหรือผู้บริโภค อีกทั้งยังรักษาสมดุลของโครงสร้างสารอาหารในน้ำมันได้เป็นอย่างดี ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

3. เหมาะกับอุตสาหกรรมอาหารเสริมและความงาม

• เนื่องจากผลิตภัณฑ์สุดท้ายมีความบริสุทธิ์และปราศจากสารตกค้าง จึงเหมาะสำหรับนำไปผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplements) หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ (Skincare Products) ที่ต้องการมาตรฐานคุณภาพสูง
• ความบริสุทธิ์ของ น้ำมันหีบเย็น ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ “คลีน” และ “ออร์แกนิก” ช่วยให้แบรนด์สร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

สารประกอบสำคัญที่พบได้บ่อยใน น้ำมันสกัดเย็น คืออะไรบ้าง?

1. กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated Fatty Acids)

• กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยปรับสมดุลของคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
• ตัวอย่าง: น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอะโวคาโด ที่ผ่านกระบวนการ cold press มักอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA)

2. วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ

• • กระบวนการ น้ำมัน สกัด เย็น ช่วยรักษาวิตามิน เช่น วิตามินอี (Vitamin E) ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์และช่วยบำรุงผิวพรรณ
  • นอกจากวิตามิน อาจมีสารฟีนอลิก (Phenolic Compounds) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ทางชีวภาพอื่น ๆ ที่ดีต่อร่างกาย

3. สารสำคัญตามแต่ละชนิดของพืช

• ในเมล็ดงาดำอาจพบสารเซซามิน (Sesamin) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมการทำงานของตับ
• ในอะโวคาโดอาจพบสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงสารแคโรทีนอยด์บางชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อสายตา

วัตถุดิบที่เหมาะกับวิธีสกัดบีบอัดเย็น (Cold Press Materials)

เมื่อพูดถึง น้ำมัน สกัด เย็น (cold press) หลายคนอาจนึกถึงแต่น้ำมันมะพร้าวหรือเมล็ดงาเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงยังมีวัตถุดิบหลากหลายชนิดที่สามารถนำมาสกัดด้วยวิธีบีบอัดเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่จะเป็นพืชที่มีปริมาณไขมันหรือน้ำมันสูง ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการ สกัด เย็น แล้ว จะคงคุณค่าทางโภชนาการ สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินได้ครบถ้วนยิ่งกว่าการสกัดด้วยความร้อนหรือสารเคมี ตัวอย่างกลุ่มวัตถุดิบหลัก ๆ ได้แก่:

 เมล็ดพืชและธัญพืช (Seeds & Grains)

• งาดำ งาขาว (Sesame Seeds): อุดมไปด้วยสารเซซามิน (Sesamin) สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินอี ช่วยบำรุงสุขภาพผิวและกระดูก

• แฟลกซ์ (Flaxseeds): มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง เหมาะสำหรับการเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด

• เมล็ดเจีย (Chia Seeds): โดดเด่นในเรื่องไฟเบอร์และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ช่วยควบคุมน้ำหนักและระบบขับถ่าย

• ข้าวสาลีและข้าวชนิดต่าง ๆ: สามารถใช้สกัดเป็นน้ำมันสำหรับอุตสาหกรรมความงามและอาหารเสริมได้

ถั่วเปลือกแข็งและพืชน้ำมัน (Nuts & Oil-bearing Plants)

• อัลมอนด์ (Almonds): น้ำมันอัลมอนด์ที่ผ่านการ สกัด เย็น มีวิตามินอีสูง ใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

• วอลนัท (Walnuts): มีกรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ช่วยบำรุงสมองและลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด

• ถั่วดาวอินคา (Sacha Inchi): พบสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายชนิด นิยมใช้ในอาหารเสริมและสกินแคร์

• เมล็ดทานตะวัน (Sunflower Seeds): น้ำมันเมล็ดทานตะวันใช้ประกอบอาหารหรือเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้หลากหลาย

ผลไม้ไขมันสูง (High-Fat Fruits)

• มะพร้าว (Coconut): น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น (Coconut Cold Press) มีกรดไขมันสายกลาง (MCTs) ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และสามารถใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริม เครื่องดื่มสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิว

• อะโวคาโด (Avocado): น้ำมันอะโวคาโดสกัดเย็นมีสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) วิตามินอี และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง เหมาะสำหรับการดูแลผิวที่แห้งและเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางชั้นนำ

• ปาล์มน้ำมัน (Palm Fruit): แม้ว่าปาล์มจะถูกสกัดด้วยวิธีอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่การใช้ น้ำมัน หีบ เย็น จากเนื้อหรือเมล็ดปาล์มบางสายพันธุ์ สามารถคงคุณค่าทางโภชนาการและสีตามธรรมชาติได้ดีขึ้น

• มะกอก (Olive) นิยมสกัดเย็นเพื่อได้น้ำมันมะกอก (Extra Virgin Olive Oil) ที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง เป็นที่นิยมในอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน