บทความ
เรื่องน่าสนใจเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน มีน้องนักเรียนชั้น ม. 6 อายุ 18 ปีคนหนึ่ง เข้ามาคุยที่บริษัทเพื่อปรึกษาเรื่องการทำแบรนด์เครื่องสำอาง ส่วนลูกค้าอีก 2 ท่านมาด้วยกัน อายุ 50 ++ มีแบรนด์อยู่แล้วแต่ยังไม่เติบโต จึงเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องการตลาด ความแตกต่างระหว่างลูกค้า 2 ช่วงวัยคือ
น้อง ม.6 คนนี้ใหม่ในตลาดเครื่องสำอางมาก มีงบประมาณน้อย มีความรู้และให้ความสำคัญกับด้าน Social Media หรือ Online Marketing ถ้าจะเปรียบแล้วน้องคงเหมือนแก้วน้ำที่ยังเติมไม่เต็ม
จึงพร้อมเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตลอดเวลา
ส่วนพี่ลูกค้าวัย 50++ มีประสบการณ์ในตลาดเครื่องสำอางมาอย่างโชกโชน มีงบประมาณมาก แต่ไม่มีความรู้ด้าน Social Media (แค่รู้จักว่ามีสิ่งนี้อยู่) มองตลาดส่วนของ Offline Marketing
วางแผนโฆษณาผ่าน TV Ad และ Magazine ในบทสนทนาจึงมักได้ยินพี่พูดว่า “รู้เรื่องนี้แล้วล่ะ” อยู่เสมอ
นี่คงเป็นความแตกต่างระหว่าง Generation Baby Boomer และ Gen Y กล่าวคือลูกค้าใน Generation Baby Boomer มีความได้เปรียบในเรื่องของประสบการณ์ หรือที่เรียกว่า “อาบน้ำร้อนมาก่อน” และมีเงินทุนสูงเพราะขยันและอดออมมาตลอดช่วงวัย ส่วนลูกค้า Gen Y จะได้เปรียบในเรื่องของเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้ที่รวดเร็ว
แล้วใครจะมีโอกาสเติบโตและสร้างยอดขายได้ดีกว่า ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน?
ในความคิดจากประสบการณ์ของผม… ในระยะสั้น พี่วัย 50++ จะสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าน้องวัย 18 แต่ก็จะมีต้นทุนที่สูงตามไปด้วย เพราะเป็นการมุ่งสร้าง Brand Awareness
มากกว่าการคำนึงถึง ROI (Return on Investment) ระยะยาว ส่วนน้องวัย 18 มีโอกาสเติบโตได้จากช่องทาง Online Marketing บวกกับประสบการณ์ที่มากขึ้น และน่าจะทำให้เติบโตได้สูงขึ้นกว่าพี่วัย 50++
แต่สุดท้าย หน้าที่หลักผมคือเป็นส่วนเติมเต็มในสิ่งที่ลูกค้าขาดหายไป ความสำเร็จปลายทางของทั้งคู่ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปจากที่ผมคิดได้ หากเขาได้เรียนรู้และพัฒนาในส่วนที่พวกเขายังขาดไปเช่นกันครับ